หนุ่มวัย 30 ผู้นำความคิดโครงการ "เดินเพื่อพ่อ"

ถึงกับผงะและขนลุกเลยครับผมเจอข่าวนี้เข้าไปในกระปุก หนุ่ม ไทยใจเกินร้อยออกเดินทางด้วยเท้า ทั่วทั้งประเทศไทย เพื่อเก็บมารวบรวมเป็นข้อความบทความจากใจของปวงชลทั้งประเทศไทยที่ยังต้อง การในหลวงของเรา เพื่อส่งถึงในหลวง และส่งในเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล เพื่อนำถวายทูลเกล้าทูลกระหม่อมฯ ภายในวันนี้ (5 ธันวาคม 2558)

ผู้รายงานข่าว "นายจิตติวัฒน์ เตชะรัตนยืนยง" มีอายุถึง 30 ปี ก็เดินทางมาร่วมถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยเช่นกัน ณ ร.พ.ศิริราช จากนั้นก็นำรถเข็นพระเจ้าอยู่หัวในหลวงของเรา นำมาให้ประชาชนทั้งไทยได้เขียนข้อความถวายท่าน 

นายจิตติวัฒน์ เตชะรัตนยืนยง หรือชื่อเล่นว่า "ทีม" หรือเปล่านี่ผมก็ยังไม่แน่ใจนะว่าเขาชื่อทีมหรือ เดินกันเป็นทีม มีใจรักในหลวงของเรามากๆตั้งใจออกเดินทางไปทั้งประเทศไทยเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อมูลจากประชาชนทั้งประเทศไทยเกี่ยวกับ ความประทับใจที่มีต่อในหลวงของเรา

• เขาตั้งใจมาตั้งแต่ปีที่แล้วๆ วางแผนเก็บเงินเพื่องานนี้ที่เขาเรียกว่า "เดินเพื่อพ่อ" เป็นเวลา 2ปี ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 57 

นายทีม ก็ได้ออกเดินทางไปทั่วประเทศไปยังภาคต่างๆของประเทศไทย รวมไปถึงฝั่งลาว เพื่อเจรจากับ สปป.ลาว เรื่องจะนำข้อความเหล่านี้นำถวายในหลวงของเรา ซึ่งฝั่งทางลาวก็มีฝูงคนมากมายจากที่ต่างๆพอรู้ข่าวก็มากันและฝากข้อความไว้อย่างมากมาย อีกทั้งบางคนจะนำเงินมาถวายแต่เขาก็ไม่รับ เพราะว่าใจจริงแล้ว นายจิตติวัฒน์ คิดกิจกรรม เดินเพื่อพ่อ ต้องและทำงานเพื่อให้กับในหลวงของเราโดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทนเลย

หลังจากนี้ทางคณะที่รอการรวบรวมข้อความจากประชาชนที่มารอเข้าเฝ้าฯ ณ โรงพยาบาล ศิริราช ก็ดำเนินการไปได้สวยงาม พร้อมทั้งมีประชาชนทั้งคนไทยคนลาวฝรั่งต่างชาติหลากหลายมากมายร่วมกันเขียนข้อความ และตอนนี้ก็รวบรวมได้มากแล้ว เพื่อส่งให้กับเจ้าหน้าที่พร้อมทูลขึ้นถวายให้ในหลวงของเราในวันนี้ที่ ร.พ. ศิริราช

ผมไม่มีโอกาสได้ไป แต่ผมก็ขอร่วมเขียนข้อความถึง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงของเราใว้ตรงนี้ละกันนะครับว่า

• ผมพูดเป็นราชาศัพท์ไม่เป็นนะครับ ผมจึงขออนุญาตพูดเป็นภาษาชาวบ้าน
  
  "ผม รู้ครับว่าท่านทำงานหนักเพื่อประชาชนชาวไทยเพื่ออนาคตประไทยชาติของเรา ผมเชื่อว่าท่านทำเพื่อเราทุกคนคนไทยไม่ได้ทำเพื่อหวังผลตอบแทนอะไรเลยสัก อย่าง ท่านเก่งทั้งดนตรี งานศิลปะ การวางแผน สถาปัตยกรรม และอื่นๆอีกมากมายหลากลหลายที่คนธรรมดาๆอย่างพวกเราจะทำได้อย่างท่านเลยสัก คนเดียว วางแผนวางโครงการต่างๆเพื่ออนาคตประเทศไทย ทุกอย่างท่านทำมาจนถึงตอนนี้ท่านก็ยังทำท่านยังสามารถเขียนบทความเพื่อกล่าว ประชาชนทั้งประเทศไทย ผมขอกราบคารวะความบากบั่นพากเพียรมานะอดทนเพื่อประเทศชาติไทยของเราจริงๆ ครับจากใจเลย ทำให้ผมนึกถึงซีรีย์พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ที่เจ้าชายสิทธัตถะ ที่ทำเพื่อมวลชนทั้งประเทศ และทั้งโลก"

จะทำอย่างไรเมื่อภูมิแพ้กำเริบเฉียบพลัน

โรคภูมิแพ้นี้เกิดขึ้นจากพัธุกรรมเป็นส่วนมาก มักจะพบตามผิวหนังจนกระทั่งอักเสบคัน เป็นบ้างหายบ้าง สามวันดีสี่วันไข้ ประวัติของผู้ป่วยนี้มักจะมีอาการ เยื่อบุแก้วลูกตาอักเสบ อาการแพ้อากาศ ไอ หรือ จามบ่อยครั้ง จะเกิดขึ้นเนื่องจากบรรยากาศรอบตัวเองเปลี่ยนบ่อยๆ 

• และยังพบอีกว่าผู้ป่วยภูมิแพ้ที่ผิวหนังจนอักเสบไม่ได้เกิดจากการแพ้สารเคมีใดๆเลย แต่เกิดจากสภาพ Sensitive ของเขามากกว่า เช่นอาการตอบสนองไวต่อสภาพแวดล้อมบรรยากาศภายนอก ร้อน เย็น ชื้น ฝนตก หรือ แห้ง เป็นต้น และหากครอบครัวนั้นไม่เคยมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน บุคคลญาติลูกหลานก็ไม่ได้เป็นโรคนี้ได้ อย่างไรก็ตามความปกติของโรคนี้อาจจะซ่อนลึกอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยได้โดยยังไม่เกิดอาการใดๆ

สาเหตุที่ทำให้ผื่นภูมิแพ้เริ่มมากขึ้น

1. บรรยากาศสภาพแวดล้อม ที่อาศัย ที่นอน รวมถึงละอองเกสร ขนสัตว์ต่างๆ ไรฝุ่น เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดอาการแพ้มากขึ้นเรื่อยๆ
2. เชื่อโรค เชื่อโรคแบคทีเรียเชื้อราเชื้อต่างๆที่อาจติดมาจากการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยบ่อยๆ ทำให้อาการแทรกซ้อนนั้นกำเริบขึ้นมาได้ หากเกิดอาการแทรกซ้อนลักษณะนี้ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยด่วน
3. ฤดูกาลกับภาวะโลกร้อน โรคนี้จะกำเริบมากขึ้นเมื่อถึงฤดูหนาว เนื่องจากหน้าหนาวนั้นอากาศจะแห้งความชื้นในอากาศจะต่ำมาก ทำให้คันและเกิดผื่น แต่พบว่าผู้ป่วยบางรายมีอาการตอนฤดูร้อน เนื่องจากอากาศร้อนทำให้เหงื่อออกมากและทำให้กำเริบขึ้นมาอีกครั้งจนเกิดอาการเหมือนกับผู้ป่วยในฤดูหนาว
4. เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแต่งกายต่างๆที่มีขนเล็กๆ โดยเฉพาะขนสัตว์ จะทำให้โรคนี้กำเริบมากขึ้น
5. เครื่องอาบน้ำต่างๆ เช่น สบู่ครีมอาบน้ำยาสระผมโฟมล้างหน้าโลชั่น เนื่องจากสารเคมีเหล่านั้นอาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาได้จนระคายเคื่องผิวและเกาจนอักแสบ และกำเริบมากขึ้นในที่สุด
6. การบริโภค อาหารที่ผู้ป่วยโรคนี้ควรหลีกเลี้ยงคือ นม, ไข่, ถั่วเหลือง และเนื้อสัตว์บางชนิด
7. อารมณ์และสภาวะจิตใจ หากภาวะอารมณ์และจิตใจของผู้ป่วยมีอาการเครียดก็สามารถทำให้กำเริบขึ้นมาได้

การดูและรักษาเมื่อผู้ป่วยภูมิแพ้เกิดอาการกำเริบ

1. ออกห่างจากสภาวะแวดล้อมที่ทำให้เกิดอาการกำเริบ เช่นห้องแอร์ และไม่ควรอาบน้ำในน้ำเย็นจัดหรือร้อนจัด หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากๆ 
2. ทานยา "ต้านฮิสตามีน"  เมื่อเกิดอาการกำเริบ วันละ 2-3 ครั้งติดต่อกัน และเว้นช่วงห่าง 5-7วัน เพื่อลดอาการที่กำเริบเกิดขึ้น ยากลุ่มที่ ต้านฮิสตามีน ที่ทำให้เกิดอาการกำเริบได้แก่ คลอเฟนนิลามีน ท่านสามรถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ควรระวังในการใช้ยานี้เนื่องจากทำให้ง่วงนอน ไม่ควรใช้ยานี้และทำงานหรือกิจกรรมเกี่ยวกับเครื่องจักรเป็นอันขาด
3. ทายากลุ่มสเตรียรอยด์ ทำให้ลดอาการการอักเสบของผิวหนัง แต่ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้นเนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงกับยาที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ
4. เมื่อพบ ตุ่ม หนอง น้ำเหลือง และผื่นแดง เกิดขึ้นตามผิวหนัง แปลว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นจนทำให้เชื้อแทรกซ้อน ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่้ยวชาญด้านผิวหนังเพราะจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อเหล่านั้นเมื่อมีอาการกำเริบ